ประเทศไทยของเราอยู่ในเขตร้อน ทำให้มีแสงแดดจัดเกือบตลอดปี ทำให้เป็นเรื่องยากทีเราจะหลบหลีกจากแสงแดด ร๊อน ร้อน
แสงจากดวงอาทิตย์ประกอบไปด้วยรังสีในรูปของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าหลายชนิด เช่น รังสีแกมมา รังสีเอ็กซ์รังสีอัลตราไวโอเลต (UV) รังสีที่มองเห็นได้และรังสีอินฟราเรด เป็นต้น โดยรังสีเหล่านี้มีผลต่อร่างกายของเรามาก คือ รังสีอัลตราไวโอเลต ซึ่งมีคุณสมบัติเป็นคลื่นแสงที่มองไม่เห็น มีความยาวคลื่นสั้นกว่าแสงที่ให้แสงสว่าง รังสีอัลตราไวโอเลตแบ่งเป็น รังสีคลื่นยาว (ยูวีเอ) และรังสีคลื่นสั้น(ยูวีบี)
รังสีอัลตราไวโอเลตได้ต่อร่างกาย คือ ช่วยสร้างวิตามินดีซึ่งการสร้างวิตามินดีปริมาณที่เพียงพอนั้น ต้องการแสงแดดเพียงแค่10 –15 นาทีต่อวันเท่านั้น ก็ยังดีที่ยังมีประโยชน์ต่อผิวของเราบ้าง
หากร่างกายของเราได้รับรังสีอัลตราไวโอเลตมากเกินไป ก็จะทำให้ผิวหนังเหี่ยวย่นก่อนวัย เกิดผิวไหม้และอาจทำให้เป็นมะเร็งผิวหนังได้ดังนั้นถ้าจะให้ดีเราจึงควรหลีกเลี่ยงแสงแดดในช่วงเวลาที่แดดจัด หากเราไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้การใช้เครื่องสำอางป้องกันแสงแดด
การหลีกเลี่ยงแสงแดด
หลีกเลี่ยงการอยู่กลางแจ้งโดยเฉพาะในช่วงเวลาที่แสงแดดจัดจ้า เช่นในช่วงเวลา 10.00 น. - 16.00 น. ถ้าไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ก็ไม่ควรถูกแสงแดดในระยะเวลานี้นานเกิน 20 นาที รวมไปถึงวันที่ครึ้มฟ้าครื้มฝนก็ควรหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมนอกบ้านระหว่างเวลา 10.00 น.-16.00 น.เช่นกัน เพราะจะทำให้เราได้รับไอแดดมากถึงร้อยละ 80 นอกจากนี้ควรหลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้แสงสะท้อนจากทราย น้ำและคอนกรีต เพราะจะทำให้ผิวหนังได้รับแสงปริมาณมากขึ้น รวมทั้ง ผู้ที่รับประทานยา หรือใช้ยาทาบางชนิด และการใช้เครื่องสำอางบางชนิด อาจทำให้เกิดการแพ้แสงได้เมื่อถูกแดด การอยู่ในอาคารบ้านเรือนที่มิดชิด รถยนต์ร่มไม้ชายคา การสวมเสื้อผ้า หมวก ร่ม ตลอดจนการใช้เครื่องสำอางป้องกันแสงแดด ก็เป็นทางเลือกสำหรับหลีกเลี่ยงอันตรายจากแสงแดดได้
คุณสมบัติของสารป้องกันแสงแดด
ปัจจุบันเครื่องสำอางป้องกันแสงแดดมักใช้สารหลายชนิดร่วมกัน เพื่อป้องกันรังสีคลื่นยาว(ยูวีเอ) และรังสีคลื่นสั้น(ยูวีบี) แต่ประสิทธิภาพของสารป้องกันแสงแดดจะพิจารณาจากประสิทธิภาพในการป้องกันแสงแดดจากรังสียูวีบีเท่านั้น โดยใช้ค่า SPF ( sun protective factor) ตัวอย่างเช่น เครื่องสำอางป้องกันแสงแดด ที่มีค่า SPF = 2 หมายความว่า เมื่อทาเครื่องสำอางป้องกันแสงแดดตัวนี้แล้วจะป้องกันผิวไหม้แดดเป็นเวลานาน 2 เท่า เมื่อเทียบกับ ตอนไม่ได้ทา เช่นถ้าไม่ทาเครื่องสำอางป้องกันแสงแดด แล้วออกแดดเป็นเวลา 10 นาทีจึงเริ่มมีอาการแดงที่ผิว ซึ่งเป็นอาการของผิวไหม้แดด หากทาเครื่องสำอางป้องกันแสงแดดชนิดนี้ แล้วต้องใช้เวลาถึง 20 นาทีผิวจึงเริ่มไหม้แดด จะเห็นได้ว่ายิ่งมีค่า SPF สูงขึ้น ประสิทธิภาพในการกันแดดก็จะสูงขึ้นด้วยคือมีฤทธิ์ป้องกันยาวนานขึ้น
การเลือกซื้อเครื่องสำอางป้องกันแสงแดด
เครื่องสำอางป้องกันแสงแดดที่มีจำหน่าย แบ่งได้เป็น 2 กลุ่ม คือ
1. เครื่องสำอางควบคุม เป็นเครื่องสำอางป้องกันแสงแดดที่มีส่วนผสมของสารป้องกันแสงแดด ที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดเป็นสารควบคุม จำนวน 19 ชนิด และที่ฉลากต้องแสดงข้อความ “เครื่องสำอางควบคุม ” และแสดงคำเตือน ดังนี้
- เก็บให้พ้นแสงแดด
- หากเกิดอาการคัน ระคายเคืองหรือมีเม็ดผื่นแดง ควรหยุดใช้และปรึกษาแพทย์
หากพบผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางใด มีปริมาณสารควบคุมเกินกว่าอัตราสูงสุดที่กำหนดให้ใช้ถือว่าเป็นเครื่องสำอางที่มีวัตถุห้ามใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตเครื่องสำอาง ไม่ปลอดภัยในการใช้
2. เครื่องสำอางทั่วไป เป็นเครื่องสำอางป้องกันแสงแดดที่ประกอบด้วยสารป้องกันแสงแดดชนิดที่ไม่ได้ประกาศเป็นสารควบคุม เช่น ไตตาเนียม ไดออกไซด์และ ซิงก์ออกไซด์เป็นต้น เครื่องสำอางทั้งสองกลุ่ม จะต้องมีฉลากภาษาไทย แสดงชื่อและประเภทของผลิตภัณฑ์ชื่อและปริมาณส่วน
ประกอบสำคัญ ชื่อที่ตั้งของผู้ผลิตหรือผู้นำเข้า เลขที่แสดงครั้งที่ผลิต วันเดือนปีที่ผลิต วิธีใช้ปริมาณสุทธิและคำเตือน (ถ้ามี)
การเลือกใช้เครื่องสำอางป้องกันแสงแดด
โดยทั่วไปการหลีกเลี่ยงแสงแดดเป็นสิ่งดีที่สุด ในกรณีที่ต้องการใช้เครื่องสำอางป้องกันแสงแดด มีข้อแนะนำในการเลือกใช้ดังนี้
1. เครื่องสำอางป้องกันแสงแดดที่มีประสิทธิภาพจะต้องบอกค่า SPF เช่น SPF 8 , 12 , 15 , 25 หรือ 30 เป็นต้น การเลือกใช้ขึ้นกับจุดมุ่งหมาย เช่น ผู้ที่ต้องอยู่ในแดดจ้าเป็นเวลานานๆ ควรเลือกชนิดที่มี SPF สูง เช่น SPF 15 หรือมากกว่า สำหรับผู้ที่ใช้เครื่องสำอางทาผิวหน้าที่มีส่วนผสมของสาร เอ เอช เอ ต้องใช้เครื่องสำอาง ป้องกันแสงแดด ควบคู่ไปด้วยเนื่องจาก เอ เอช เอ จะทำให้ผิวหน้าไวต่อแสงแดดมากขึ้น
2. เลือกดูที่ฉลากระบุว่ากันน้ำหรือไม่เพราะกรณีต้องการป้องกันแสงแดดขณะว่ายน้ำควรเลือกชนิดที่กันน้ำ (water resistance) ถ้าใช้ขณะอากาศร้อนมากเหงื่อออกง่าย หรือป้องกันแสงแดดเมื่อเล่นกีฬา ควรเลือกชนิดทนต่อเหงื่อ (sweat resistance)
3. ควรเลือกชนิดที่ฉลากระบุว่าสามารถป้องกันรังสียูวีเอหรือยูวีบีหรือป้องกันได้ทั้งสองอย่าง เพราะรังสียูวีเอทำให้ผิวเหี่ยวย่น รังสียูวีบีทำให้ผิวไหม้แดดและทำให้เกิดมะเร็งของผิวหนัง
ข้อแนะนำการใช้
* ควรทาเครื่องสำอางป้องกันแสงแดด ก่อนออกแดดอย่างน้อย 30 นาทีเพื่อให้เนื้อผลิตภัณฑ์เคลือบติดที่ผิวแดดได้ดียิ่งขึ้น
* ควรทาเครื่องสำอางป้องกันแสงแดด ให้ทั่วบริเวณที่จะต้องถูกแสงแดด ยกเว้นบริเวณรอบดวงตาและรอบริมฝีปาก หากต้องการปกป้องริมฝีปากในขณะออกแดด สามารถใช้ลิปสติกที่มีส่วนผสมของสารป้องกันแสงแดดได้
* ในกรณีเล่นกีฬากลางแจ้ง หรืออยู่กลางแจ้งมีเหงื่อออกหรือว่ายน้ำต้องทาเครื่องสำอางป้องกันแสงแดด ซ้ำทุก 1 ชั่วโมง
* ควรทาเครื่องสำอางป้องกันแสงแดดให้เหมาะกับการแต่งหน้า ถ้าเป็นเครื่องสำอางป้องกันแสงแดดประเภทสารที่เป็นตัวสะท้อนแสง( Physical sunscreen ) ควรทาหลังสุดเพื่อไม่ให้ขัดขวางเครื่องสำอางหรือสิ่งที่ทา
ตามหลังได้ส่วนประเภทสารดูดกลืนแสง( Chemical sunscreen ) ควรทาก่อนครีมชนิดอื่นๆ เพื่อให้สารดูดกลืนแสงจับยึดกับผิวได้ช่วยให้ประสิทธิภาพของการป้องกันแสงแดดของผลิตภัณฑ์ดี